เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่(Endometriosis)

เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่(Endometriosis)

สตรีวัยเจริญพันธุ์จะมีเยื่อบุงอกหนาขึ้นในทุก ๆ เดือนอยู่บนพื้นผิวของโพรงมดลูก เมื่อเวลาผ่านไปไม่มีการปฏิสนธิและฝังตัวของตัวอ่อนเกิดขึ้น เยื่อบุนี้จะมีการสลายตัวกลายเป็นประจำเดือน ซึ่งนับเป็นวงจรปกติ แต่หากเมื่อใดเยื่อบุนี้ไปเจริญอยู่บริเวณอื่นที่ไม่ใช่ผิวของโพรงมดลูก เรียกว่า เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เยื่อบุเหล่านี้จะมีการสลายตัวทุกเป็นเลือดในทุก ๆ เดือนเช่นเดียวกัน เมื่อเลือดเหล่านี้ไม่มีช่องทางการระบายออกจะทำให้เกิดเลือดคั่งอยู่ภายใน เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อโดยรอบ และกลายเป็นถุงซีสต์

อาการ

อาการแสดงในบางรายอาจเกิดอาการปวดท้องหรือปวดหลังขณะมีประจำเดือน มักปวดมากขึ้นเมื่อถึงวันท้าย ๆ ของการมีรอบเดือน หรือปวดขณะร่วมเพศ และในบางรายอาจมีประจำเดือนออกมากกว่าปกติ

การรักษา

สำหรับการรักษาขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรง เเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจึงต้องพิจารณาแนวทางการรักษาตามความเหมาะสมต่อไป ซึ่งแนวทางการรักษามีตั้งแต่การรับประทานยาคุมกำเนิดจนถึงผ่าตัด เพราะฉะนั้นเมื่อสงสัยไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด เมื่อความรุนแรงน้อยการรักษาก็มักจะไม่ซับซ้อนตามไปด้วย

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-3198888

บทความที่เกี่ยวข้อง

ปฎิบัติตัวอย่างไร เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน

ปฎิบัติตัวอย่างไร เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน

ปฎิบัติตัวอย่างไร เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ในช่วงอายุ 45 ถึง 55 ปี สิ่งที่สตรีทุกคนเริ่มกังวลคือการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน วัยหมดประจำเดือน หรือ วัยทอง (menopause) หมายถึง การหมดประจำเดือนอย่างถาวร เนื่องจากสิ้นสุดการทำงานของรังไข่ เป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของสตรีทุกคน โดยทั่วไปวินิจฉัยวัยทอง เมื่อมีการขาดประจำเดือนอย่างน้อย 12 เดือน เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนปริมาณฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายจะลดระดับลงอย่างมาก ร่วมกับปัจจัยด้านอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้สตรีวัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ และพบว่ามีอุบัติการณ์และความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น 1.อาการ ผลที่เกิดจากรังไข่หยุดทำงานในวัยหมดประจำเดือน ทำให้เกิดอาการและการเปลี่ยนแปลงในสตรีวัยนี้หลายอย่างได้แก่ ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน หงุดหงิด ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ซึมเศร้า ใจสั่น หลงลืม น้ำหนักเพิ่ม ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ ท้องผูก ปัสสาวะลำบาก และความรู้สึกทางเพศลดลง เป็นต้น อาการร้อนวูบวาบและเหงื่อออกตอนกลางคืน หมายถึง ความรู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณส่วนบนของร่างกายเช่น ใบหน้า คอ หน้าอก โดยแต่ละครั้งอาการจะคงอยู่นานไม่เกิน 3-4 นาที แล้วอาการดีขึ้น อาการมักจะเป็นมากเวลากลางคืน อาจมีความรู้สึกร้อนวูบวาบจนกระทั่งมีเหงื่อออกมากตอนกลางคืน อาการร้อนวูบวาบเป็นภาวะที่พบได้บ่อยถึงร้อยละ 20-50 อาการมักจะดีขึ้นหลังจากหมดประจำเดือน 2 ปีขึ้นไป เกิดจากการลดระดับของฮอร์โมนเพศหญิงลงจากเดิมที่เคยมีระดับสูง อาการทางระบบทางเดินปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุ์ เยื่อบุช่องคลอดและท่อปัสสาวะเป็นเนื้อเยื่อที่ได้รับผลกระทบต่อการขาดฮอร์โมนเพศหญิงโดยตรง ทำให้มีอาการต่างๆดังนี้ - ช่องคลอดแห้ง มีอาการคัน ระคายเคือง หรือปวดแสบร้อนที่บริเวณอวัยวะเพศและช่องคลอด - ความรู้สึกทางเพศลดลง สารคัดหลั่งลดลงระหว่างมีกิจกรรมทางเพศ ทำให้มีอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ - ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้บ่อย การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง การขาดฮอร์โมนเพศหญิงเป็นปัจจัยเร่งในอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความเสื่อมของระบบผิวหนังทั้งการแบ่งเซลล์ช้าลง ความเสื่อมของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังบาง และขาดความยืดหยุ่น เกิดมีอาการผิวแห้ง คัน แพ้ง่าย และหย่อนคล้อย โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดแดงตีบแข็ง ฮอร์โมนที่ลดลงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันต่างๆในร่างกาย ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดแดงตีบแข็งมากขึ้น โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเป็นปัจจัยเร่งในอายุที่มากขึ้น ภาวะกระดูกพรุนเป็นเหมือนภัยเงียบ โดยร่างกายจะสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็วใน 5 ปีแรก ทำให้เกิดกระดูกหักได้ง่าย เนื่องจากผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการ แต่จะตรวจพบหลังมีกระดูกหักจากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย ภาวะซึมเศร้าและนอนไม่หลับ พบภาวะซึมเศร้าและมีอาการกังวลได้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การสูญเสียความสวยงามทางร่างกาย ทำให้ขาดสมาธิในการทำงาน มีอาการหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน หรือหลงลืมได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขาดหรือการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางครอบครัวและสังคมด้วย 2. แนวทางการดูแลสุขภาพ ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในสตรีวัยหมดประจำเดือนแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ อาการที่สัมพันธ์กับภาวะหมดประจำเดือน และ โรคอันเกิดจากความเสื่อมถอยตามอายุ ปัญหาสุขภาพดังกล่าวมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การดูแลสุขภาพของสตรีในวัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้สตรีสามารถดำรงคุณภาพชีวิตที่มีคุณภาพให้นานที่สุด โดยใช้หลักการเรื่องของการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคอันเกิดจากความเสื่อมถอยตามอายุ 2.1 การตรวจร่างกายและการตรวจสืบค้นเพิ่มเติม เพื่อคัดกรองโรคที่พบได้บ่อยในวัยหมดประจำเดือน และตรวจหาข้อบ่งชี้/ข้อบ่งห้ามในการที่จะต้องรักษาผลกระทบต่างๆของวัยหมดประจำเดือน ตรวจร่างกายทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต ตรวจเต้านม และตรวจภายใน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ตรวจทางห้องปฏิบัติการขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ตรวจเลือดเพื่อนับเม็ดเลือด, ตรวจน้ำตาลหลังอดอาหารเพื่อคัดกรองโรคเบาหวาน, ตรวจการทำงานของไตและตับ, ตรวจระดับไขมันในเลือด, ตรวจเอกซเรย์ปอด, ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และตรวจปัสสาวะ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ตรวจความหนาแน่นของกระดูก (BMD) แนะนำให้ตรวจในสตรีที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีเป็นต้นไป หรือในสตรีวัยหมดประจำเดือนที่อายุน้อยกว่า 65 ปี แต่มีปัจจัยเสี่ยงเช่น น้ำหนักตัวน้อย มีประวัติกระดูกหัก รับประทานยาบางชนิดที่ทำให้มวลกระดูกลดลง ตรวจภาพรังสีเต้านม (mammogram) ตั้งแต่อายุ 40 ปี ทุก 1-2 ปี โดยเฉพาะในรายที่อยู่ในระหว่างให้ฮอร์โมนบำบัด ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ทุก 5 ปี (ขึ้นกับวิธีตรวจ) โดยทั่วไปจะหยุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่อสตรีอายุมากกว่า 65 ปีหรือถูกตัดมดลูกออกไปแล้วร่วมกับมีประวัติการตรวจคัดกรองก่อนหน้าที่เพียงพอและผลปกติ ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ แนะนำตรวจคัดกรองอายุ 45-75 ปี วิธีตรวจมีหลายแบบ ได้แก่ ตรวจเม็ดเลือดแดงในอุจจาระปีละครั้ง หรือตรวจ fecal immunochemical test (FIT test) ปีละครั้ง หรือตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ใหญ่ (computerized tomography colonoscopy) ทุก 5 ปี หรือส่องกล้องลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (flexible sigmoidoscopy) ทุก 5 ปี หรือส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) ทุก 10 ปี สตรีวัยหมดประจำเดือนควรรับการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ ได้แก่ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่, วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี, วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ, วัคซีนป้องกันงูสวัด และวัคซีนป้องกัน covid-19 2.2 อาหาร อาหารเสริม และวิตามิน สตรีวัยหมดประจำเดือนควรงดแอลกอฮอล์รวมทั้งบุหรี่ ลดอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล โดยเปลี่ยนมารับประทานคาร์โบไฮเดรตจากธัญพืชประเภท whole-grain ผัก และผลไม้ ซึ่งมีเส้นใยอาหารอยู่มาก ลดอาหารไขมันประเภทไขมันทรานส์ เช่น มาการีน ครีมเทียม เนยเทียม เนยขาว ลดอาหารประเภทไขมันอิ่มตัว เช่น น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว กะทิเพื่อลดความเสี่ยงของโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด สตรีที่มีอาการร้อนวูบวาบรุนแรง ควรลดอาหารที่มีเครื่องเทศเผ็ดร้อนและคาเฟอีน แคลเซียม (calcium) เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูก โดยพบว่า ร้อยละ 99 ของแคลเซียมในร่างกายสะสมในกระดูก มีเพียงร้อยละ 1 ของแคลเซียมในร่างกายถูกนำไปใช้ในการทำงานในกระบวนการต่างๆของร่างกาย หากระดับแคลเซียมในส่วนนี้ลดลง จะกระตุ้นการสลายแคลเซียมจากกระดูกเพื่อนำมาใช้งานดังกล่าว จึงจำเป็นต้องรับประทานแคลเซียมให้เพียงพอ โดยปริมาณธาตุแคลเซียมที่เหมาะสมสำหรับสตรีวัยหมดประจำเดือนคือ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งได้มาจากนม และผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส โยเกิร์ต ปลาที่กินพร้อมกระดูกได้ ผักใบเขียว เช่น คะน้า บลอกโคลี ใบชะพลู ผักกะเฉด เต้าหู้ ถั่วขาว ข้าวโอ๊ต น้ำส้ม งา วิตามินดี (vitamin D) เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อการควบคุมระดับแคลเซียมในร่างกาย ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตจากลำไส้เล็ก และเพิ่มการดูดกลับแคลเซียมทางท่อไต วิตามินดีแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ วิตามินดี 2 พบได้เฉพาะในพืชและยีสต์ และวิตามินดี 3 พบได้เฉพาะในสัตว์ สามารถสังเคราะห์ได้ที่เซลล์ผิวหนังของมนุษย์ ปริมาณวิตามินดีที่ร่างกายได้รับร้อยละ 80-90 มาจากการสังเคราะห์ที่เซลล์ผิวหนัง และส่วนน้อยได้มาจากอาหาร แมกนีเซียม (magnesium) เป็นเกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกาย ร้อยละ 50 ของแมกนีเซียมในร่างกายสะสมอยู่ที่กระดูก ในผู้ใหญ่ควรจะต้องได้รับแมกนีเซียมวันละ 600 มิลลิกรัม จึงจะสามารถรักษาระดับแมกนีเซียมในกระดูให้คงที่ได้ ผู้ที่ขาดแมกนีเซียมจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลันในอัตราที่สูงกว่าผู้ที่รับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมเพียงพอ วิตามินอี (vitamin E) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีบทบาทในการป้องกันการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบ และช่วยลดระดับไขมันในเลือด การรับประทานวิตามินอีวันละ 100-400 ยูนิตสากล เป็นเวลานานสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ การรับประทานวันละ 400-1,200 ยูนิตสากล อาจจะลดอาการร้อนวูบวาบเหงื่อออกมาก ใบแป๊ะก๊วย (Ginkgo biloba) เป็นสมุนไพรที่ได้รับการยอมรับว่ามีการทำการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก สมุนไพรตัวนี้มีการใช้ในประเทศจีนมาราว 5,000 ปี ประเทศในแถบตะวันตกเพิ่งจะมีการนำมาใช้ในปี พ.ศ. 2523 พบว่ามีผลดีต่อระบบประสาทคือโดยทำให้มีเลือดมาเลี้ยงสมองเพิ่มมากขึ้น ยับยั้ง ช่วยทำให้มีความจำดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดความจำเสื่อม นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าอีกด้วย 2.3 กิจกรรมและการออกกำลังกายในสตรีวัยหมดประจำเดือน กิจกรรมในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การทำงานบ้าน เลี้ยงสัตว์ รดน้ำต้นไม้ ล้างรถ ทำครัว ฯลฯ ล้วนส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งกายและใจ โดยทางกายจะได้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ข้อต่อไม่ยึดติด และกระดูกไม่บางลง ส่วนทางใจจะได้ความเพลิดเพลินกับกิจกรรม ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง ใจสบาย มีความสุข แม้ว่าการทำกิจกรรมต่างๆจะได้ประโยชน์ไม่มากเท่ากับการออกกำลังกาย แต่ก็ดีกว่าการนั่งๆนอนๆ การคงมีกิจกรรมในชีวิตประจำวันมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อการหกล้มและภาวะกระดูกหัก เพื่อการมีสุขภาพที่แข็งแรง ผู้สูงอายุควรมีการทำกิจกรรมระดับปานกลางนานอย่างน้อยวันละ 30 นาทีในเกือบทุกวัน เมื่ออายุเพิ่มขึ้นจะมีการลดลงของจำนวนและความแข็งแรงกล้ามเนื้อ อาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการหกล้มและกระดูกหักเพิ่มมากขึ้น การแนะนำท่าทางในการดำเนินชีวิตประจำวันมีหลักการคือ รักษาความโค้งเว้าตามปกติของแกนกระดูกสันหลังในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเป็นท่ายืน ท่าเดิน ท่านั่ง ท่าก้ม รวมถึงท่าทางในการยกสิ่งของหรือการเอื้อมหยิบของในที่สูง ท่ายืนหรือเดิน ควรอยู่ในท่าหลังตรง เก็บคาง ไม่ยืนห่อไหล่สองข้าง ท่านี้นอกจากดูดีแล้ว ยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบ่าและไหล่ ท่าที่ไม่เหมาะสมคือ การยืนในท่าโค้งมาหน้า เนื่องจากเพิ่มแรงกดทางด้านหน้าต่อกระดูกสันหลัง และเป็นเหตุให้เกิดการยุบตัวของกระดูกหลังง่ายขึ้น ท่านั่ง ควรนั่งในท่าหลังตรง นั่งพิงพนัก เท้าไม่ลอยจากพื้น ไม่นั่งเอนหรือโน้มตัวมาด้านหน้า ให้มีการขยับปรับเปลี่ยนอิริยาบทบ้างเป็นพักๆ แต่ยังคงรักษาแนวโค้งเว้าของหลังไว้ตลอดเวลา ท่านอน ควรนอนในท่านอนหงาย มีหมอนรองใต้ข้อเข่าเพื่อให้ข้อเข่าและข้อสะโพกงอเล็กน้อย หรือนอนตะแคงมือกอดหมอนข้าง งอข้อเข่าและข้อสะโพกเล็กน้อย ท่านอนทั้งสองท่านี้จะช่วยรักษาแนวกระดูกสันหลังได้ดี นอกจากนี้ควรเลือกที่นอนที่แน่น ไม่ยวบ ไม่ทำให้ตัวจมลง ที่นอนที่นิ่มเกินไปจะทำให้แนวกระดูกหลังโค้งงอ ทำให้ปวดหลัง การก้มยกของที่มีน้ำหนัก ควรอยู่ในท่าย่อเข่าและหลังตรง การยกในท่าที่ถูกต้องจะเป็นการใช้กล้ามเนื้อขาช่วยยกและรักษากระดูกหลังไว้ อีกทั้งลดความเสี่ยงที่จะเกิดหมอนรองกระดูกเคลื่อน การหิ้วของ ควรแบ่งน้ำหนักสองข้างพอๆกัน มิฉะนั้นแนวกระดูกหลังจะเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป และกล้ามเนื้อเสียสมดุล ทำให้เกิดอาการปวดได้ง่าย การเอื้อมหยิบของจากที่สูง ควรมีม้าเตี้ยรองเพื่อลดการแอ่นของหลังที่มากไป การออกกำลังกาย ประโยชน์ของการออกกำลังกายต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ได้แก่ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ และเสริมสร้างมวลกระดูก การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่อายุน้อยส่งผลดีมากกว่าเริ่มออกกำลังเมื่ออายุมาก อย่างไรก็ดีการออกกำลังกายในสตรีวัยหมดประจำเดือนก็ยังสามารถเพิ่มความคล่องตัวโดยรวม และลดการสลายกระดูก นอกจากประโยชน์โดยตรงต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูกแล้ว การออกกำลังกายยังมีผลดีต่อการทำงานของหัวใจและปอด กระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย และสมดุลของสารสื่อประสาทต่างๆในสมอง ส่งผลให้ปัญหาสุขภาพหลายประการของสตรีวัยหมดประจำเดือนมีความเสี่ยงหรือความรุนแรงที่ลดลง ได้แก่ ภาวะกระดูกหักที่สัมพันธ์กับความเปราะบางของกระดูก โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และอาการร้อนวูบวาบในวัยหมดประจำเดือน การออกกำลังกายมีอยู่หลายประเภท ประเภทที่เหมาะกับสตรีวัยหมดประจำเดือนมีดังนี้ 1.การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ เอ็น และกล้ามเนื้อ เป็นการบริหารเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นทำให้พิสัยการเคลื่อนไหวข้อทุกข้อสามารถกระทำได้ในทุกทิศทาง เป็นสิ่งสำคัญในการคงท่าทางที่เหมาะสมและทำให้เกิดความกระฉับกระเฉงและคล่องตัวในกิจวัตรประจำวัน การออกกำลังประเภทนี้เช่นการเล่นโยคะและรำมวยจีน 2.การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยสตรีวัยหมดประจำเดือนเน้นที่กล้ามเนื้อขาและกล้ามเนื้อหลัง ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่สำคัญต่อการทรงตัว กล้ามเนื้อขามีส่วนสำคัญในการยืนหรือเดิน กล้ามเนื้อขาที่อ่อนแรงทำให้การยืนหรือเดินไม่มีประสิทธิภาพและยังเป็นสาเหตุของการหกล้ม ส่วนกล้ามเนื้อหลังมีความสำคัญเนื่องจากกระดูกสันหลังเป็นกระดูกที่มีภาวะกระดูกพรุนและกระดูกหักได้บ่อย การบริหารกล้ามเนื้อหลังสามารถลดการเกิดกระดูกสันหลังส่วนนอกยุบและลดอัตราหลังค่อมในผู้ที่มีกระดูกพรุนหรือในผู้สูงอายุ การออกกำลังกายประเภทนี้เป็นการออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักเป็นแรงต้าน โดยใช้น้ำหนักของตัวเองหรือน้ำหนักตัวเองร่วมกับแรงต้านภายนอก เช่น การสควอท หรือการใช้เครื่องเล่นเวทต่างๆ 3.การออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนัก สามารถกระตุ้นการสร้างเนื้อกระดูก ตัวอย่างการออกกำลังกายประเภทนี้ได้แก่ การเดิน การวิ่ง การปั่นจักรยาน เป็นต้น แนะนำให้มีระยะเวลาและความถี่เช่นเดียวกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิคทั่วไป การออกกำลังกายประเภทนี้นอกจากจะได้ประโยชน์ต่อกระดูกแล้วยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ระบบต่างๆภายในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เกิดความสบายและคลายเครียดได้ การป้องกันการหกล้ม เนื่องจากการหกล้มในวัยหมดประจำเดือน มีความเสี่ยงต่อการกระดูกหัก พบว่าบางรายไม่สามารถกลับมาเดินได้อีก สูญเสียความสามารถในการดูแลตัวเอง ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา การป้องการหกล้มได้แก่ การปรับสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย, การดูแลสายตา, การออกกำลังกายเพื่อสร้างสมดุลร่างกาย การปรับยาที่ส่งผลต่อการทรงตัว เช่น ยานอนหลับ 3. การรักษา ในปัจจุบันไม่แนะนำการใช้ฮอร์โมนบำบัดในสตรีวัยหมดประจำเดือนที่ไม่มีอาการ หรือให้เพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหรือภาวะสมองเสื่อม การใช้ฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน ควรได้รับการพิจารณาจากแพทย์โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสมสำหรับสตรีแต่ละบุคคล จากอาการที่พบ อายุ ระยะเวลาหลังหมดประจำเดือน โรคประจำตัว ข้อบ่งชี้และข้อบ่งห้ามของฮอร์โมนบำบัด เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและเกิดโทษน้อยที่สุด ข้อบ่งชี้ในการให้ฮอร์โมนบำบัด เพื่อรักษาอาการร้อนวูบวาบ ที่มีอาการระดับปานกลางขึ้นไป เพื่อรักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุ์ของสตรีวัยหมดประจำเดือน เพื่อรักษาโรคกระดูกพรุนในสตรีวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักระดับสูงขึ้นไป เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำก่อนกำหนด ได้แก่ ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศ, รังไข่หยุดทำงานก่อนกำหนด หรือถูกตัดรังไข่สองข้างก่อนวัยหมดประจำเดือนตามธรรมชาติ ข้อบ่งห้ามในการให้ฮอร์โมนบำบัด เลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมที่ให้ผลบวกต่อตัวรับเอสโตรเจนหรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มีประวัติเสี่ยงต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด หรือกำลังเป็นภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด โรคตับเรื้อรัง โรคเบาหวาน และ/หรือความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ดี บทสรุป การหมดประจำเดือนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกายไม่ใช่ “โรค” ไม่มีความจำเป็นต้องมีการรักษาในสตรีวัยหมดประจำเดือนทุกราย การยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและปรับตัวในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตและสร้างเสริมสุขภาพให้เหมาะสม จะช่วยป้องกันหรือชะลอปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้มีอายุขัยยืนยาว และ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ข้อมูลโดย แพทย์หญิงน้ำมณี มณีนิล

มีเซ็กซ์ปลอดภัยไม่ติดเชื้อ HPV

มีเซ็กซ์ปลอดภัยไม่ติดเชื้อ HPV

เซ็กซ์อย่างป้องกัน ลดเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน สุ่มเสี่ยง โรคติดต่อมากมาย และเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งในผู้หญิง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากติดเชื้อ การติดเชื้อ HPV หรือ Human Papillomavirus รู้ทริคป้องกันโรครับวาเลนไทน์ 2023 ให้ปลอดภัย การติดเชื้อ HPV หรือ Human Papillomavirus เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบมากที่สุด เป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด โดย HPV แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ HPV ชนิดไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง ไม่ได้ทําาให้เกิดมะเร็งปากมดลูก แต่เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศ เชื้อ HPV ติดต่อได้ง่ายผ่านทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก โดยมักพบในคนช่วงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 20-30 ปี สูงถึง 2 ใน 3 คนเลยทีเดียว เมื่อติดเชื้อ เซลล์ปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งอาจใช้เวลานาน 10-15 ปี ซึ่งผู้หญิงที่ติดเชื้อมักจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เป็นระยะเวลานาน แต่จะมาพบแพทย์เมื่อมีอาการแล้ว เช่น เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจําเดือน มะเร็งมักเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว และแม้ว่าการติดเชื้อ HPV จะเพิ่มโอกาสสูงขึ้นตามจำนวนของคู่นอน แต่การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนแค่คนเดียวก็มีโอกาสติดเชื้อ HPV ได้ หากคู่นอนของคุณมีเชื้อ HPV อยู่ก่อนแล้ว มีเซ็กซ์ปลอดภัยจากเชื้อ HPV ไม่เปลี่ยนคู่นอนหลายคน สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพราะช่วยป้องกันการติดเชื้อ HPV มากถึง 90% ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย หรือ ต่ำกว่า 18 ปี ไม่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เพราะสามารถเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV และก่อให้เกิดมะเร็งทวารหนักในอนาคตได้ ไม่มีเพศสัมพันธ์ด้วยการทำออรัล เพราะเชื้อ HPV สามารถก่อให้เกิดมะเร็งช่องปาก หรือมะเร็งลำคอได้ ระวังการติดเชื้อจากการใช้นิ้วมือ เนื่องจากเชื้อ HPV สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสทางผิวหนังโดยตรงได้ การป้องกันที่สำคัญกว่า คือการรับฉีดวัคซีนป้องกัน HPV วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) จะกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการติดเชื้อ HPV ปัจจุบันวัคซีน HPV มี 2 ชนิด ชนิดแรก เป็นวัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ ซึ่งมีการเสริมสารกระตุ้นภูมิรุ่นใหม่ เน้นป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็ง (HPV 16, 18 และ HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็งอื่นๆ) ชนิดที่ 2 วัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ ใช้ป้องกันมะเร็งปากมดลูก (จาก HPV 16, 18) และหูดอวัยวะเพศ (จาก HPV 6, 11) ช่วงวัยที่เหมาะสมกับการฉีดป้องกันป้องกันมะเร็งปากมดลูก ควรฉีดในผู้หญิงอายุตั้งแต่ 9-26 ปี หรืออาจขยายระยะเวลาได้ถึง 45 ปี ในผู้ชายก็เช่นเดียวกัน เพราะเป็นวัยที่ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด นอกจากนี้การตรวจหาเชื้อ HPV ในระดับดีเอ็นเอ หรือ HPV Testing จึงเป็นวิธีการค้นหาเชื้อ HPV ที่ให้ผลแม่นยำ ช่วยให้รักษาการติดเชื้อได้ทันก่อนกลายเป็นมะเร็ง ขอขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS สถานีสุขภาพ

รวมเรื่องอาหารของผู้ป่วย “มะเร็ง” ฉายแสง-เคมีบำบัด

รวมเรื่องอาหารของผู้ป่วย “มะเร็ง” ฉายแสง-เคมีบำบัด

รวมเรื่องอาหารของผู้ป่วย “มะเร็ง” ฉายแสง-เคมีบำบัดแล้วกินอะไรได้บ้าง การรักษามะเร็ง มีทั้งการผ่าตัด การฉายแสง หรือการใช้ยา ส่งผลให้มักมีอาการอักเสบ หรือการสูญเสียเนื้อเยื่อ ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอเพื่อซ่อมแซมร่างกาย เพราะถ้าได้รับสารอาหารไม่เพียงพอแล้วล่ะก็ อาจทำให้ร่างกายฟื้นตัวช้า และการรักษาอาจไม่ได้ประสิทธิผลดีเท่าที่ควร อาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษามะเร็งจนครบได้ อาหารที่ควรกิน ผู้ป่วยมะเร็งจำเป็นต้องได้รับพลังงานจากอาหารต่อวันมากขึ้นกว่าคนทั่วไป เพื่อให้ผู้ป่วยแข็งแรงพอที่จะรับการรักษาตามกระบวนการทางการแพทย์ โดยผู้ป่วยควรได้รับพลังงานประมาณ 1,600 -2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน จากอาหารที่มีลักษณะ ดังนี้ สุก สะอาด มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ (โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ วิตามิน ไขมัน) โดยให้เน้นโปรตีนจากพืชและสัตว์เป็นส่วนใหญ่ เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกาย ผัก ผลไม้ ที่ปลอกและล้างสะอาด ดื่มน้ำให้เพียงพอ ประมาณวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2-2.5 ลิตร อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง อาหารหมักดอง อาหารไม่สด อาหารไม่สะอาด อาหารทิ้งไว้ข้ามคืน อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก อาหารรมควัน แฮม ของปิ้งย่าง งดกินผักสด ผลไม้เปลือกบาง หรือผลไม้ที่กินทั้งเปลือกได้ เช่น องุ่น ชมพู่ ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามสูบบุหรี่ ทำอย่างไรเมื่อเจอผลข้างเคียงการรักษาที่ทำให้กินไม่ลง เบื่ออาหาร เลือกกินอาหารที่พอกินได้ กลิ่นและรสไม่จัด โดยอาจแบ่งออกเป็นมื้อย่อยๆ 4-6 มื้อต่อวัน หรือกินขนมเสริมที่กินได้ง่ายๆ เช่น ไอศกรีม ขนมต่างๆ อาหารทางการแพทย์ หรือ นม คลื่นไส้อาเจียน ให้กินอาหารก่อนให้ยาเคมีบำบัด หลีกเลี่ยงอาหาร หวานมัน มีกลิ่นฉุน หรือรสเผ็ดร้อน และเลือกกินอาหารที่มีลักษณะแห้งกรอบ เช่น ขนมปังกรอบ ทองม้วน เพื่อลดอาหารคลื่นไส้อาเจียน นอกจากนี้ควรจิบน้ำสะอาดๆ หรือเครื่องดื่มรสไม่จัดบ่อยๆ หลังอาเจียน เช่น น้ำหวาน น้ำผลไม้ การรับรสเปลี่ยน กลั้วปากน้ำสะอาด ก่อนกินอาหาร และให้ใช้ช้อนส้อมและอุปกรณ์ที่เป็นแก้วพลาสติก ปรุงอาหารด้วยเครื่องเทศเล็กน้อย หรือเครื่องปรุงรสเปรี้ยว โดยอาจใช้น้ำตาลปรุงอาหารเล็กน้อย เพื่อช่วยกลบการรับรสที่ผิดเพี้ยนไปได้ นอกจากนี้ยังสามารถอบลูกอมรสเปรี้ยวหรือมินต์ไว้ช่วยกระตุ้นการรับรสก็ได้ ปากแห้ง มีแผลในช่องปาก กินอาหารอ่อนนิ่ม รสไม่จัด เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว หรือบะหมี่เกี๊ยว กินอาหารเย็น ไม่ร้อนจัดจนเกินไป และจิบน้ำเปล่าให้บ่อยขึ้น หลีกเลี่ยงการกินผลไม้ที่มีกรด เช่น มะนาว น้ำผลไม้กล่องที่มีสีเข้ม นอกจากนี้ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดทุกครั้งก่อนและหลังกินอาหาร ท้องเสีย ดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ หรือดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ ลดอาหารรสจัด อาหารไขมันสูง งดผลิตภัณฑ์จากนมจนกว่าอาการจะดีขึ้น และงดอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น เนย ถั่ว ผักดิบ เม็ดเลือดขาวต่ำ การฉายแสงเคมีบำบัด และจากตัวโรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ควรระวังเรื่องวันหมดอายุของอาหาร เลือกกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ และระวังผักผลไม้ที่ต้องกินทั้งเปลือก มีรอยช้ำ มีเชื้อรา รวมถึงควรงดเครื่องปรุงรสที่เป็นอาหารแห้งทั้งหมด เช่น พริกไทย พริกป่น ถั่วลิสงป่น และควรล้างมือให้สะอาดเสมอเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ น้ำหนักลด กินอาหารให้พลังงานสูง แต่เลี่ยงไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานซ์ กินอาหารหลาย ๆ มื้อ กระจายตลอดทั้งวัน เติมนมผงหรืออาหารทางการแพทย์ใส่เครื่องดื่ม หากน้ำหนักลดลงมาก อาจต้องพบนักกำหนดอาหาร เพื่อจัดการการรับประทานอาหารที่เหมาะสม ท้องผูก แนะนำให้กินอาหารที่่มีกากใยมากขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่วเม็ดแห้ง ถั่งเขียว ถั่วแดง และดื่มน้ำสะอาด 8 -10 แก้วต่อวัน กินเนื้อสัตว์ได้หรือไม่ มีหลายคนเชื่อว่าการกินเนื้อสัตว์ ทำให้มะเร็งโตเร็วขึ้น ขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะมะเร็งไม่สามารถเลือกได้ว่าจะใช้พลังงานจากอาหารประเภทใดโดยเฉพาะ ที่จริงแล้วควรกินเนื้อสัตว์ด้วยซ้ำ เพราะเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงและครบถ้วน ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญมากสำหรับผู้ป่วย เนื่องจากจะช่วยในการซ่อมแซมร่างกายระหว่างการรักษา และบำรุงเม็ดเลือดขาวได้ ผู้ป่วยมะเร็งจึงควรเลือกกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อผ่านทางอาหารเพิ่มเติม ไม่กินเนื้อติดมัน และกินให้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ หรืออาหารทะเล แต่สำหรับผู้ป่วยที่อยากกินมังสวิรัติ แนะนำว่า ควรกินโปรตีนจากไข่ หรือ นมเพิ่มเติม จริงไหมกินเต้าหู้ น้ำมะพร้าว ทำให้มะเร็งเต้านมโตเร็ว การกินน้ำเต้าหู้ และน้ำมะพร้าว มีสาร Phytoestrogen ในปริมาณน้อย จึงไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ สุดท้ายนี้หากปรับเปลี่ยนวิธีการกินอาหารแล้ว อย่าลืมเช็กน้ำหนักตัวกันด้วย เพราะน้ำหนักตัวที่คงที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เรามาได้ถูกทางแล้ว! หากร่างกายได้รับพลังงานและโปรตีนไม่เพียงพอ น้ำหนักตัวของผู้ป่วยจะลดลง ซึ่งมีผลการศึกษาพบว่าจะส่งผลเสียต่อการรักษาได้ ดังนั้นจึงควรกินอาหารอย่างเพียงพอ หรือกินอาหารทางการแพทย์เพิ่มเติมเพื่อทดแทนหรือเสริมจากอาหารมื้อหลัก ขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS สถานีสุขภาพ

ตกขาว

ตกขาว

ตกขาว(ปกติ) ตกขาวปกติมักมีลักษณะเป็นมูกใสหรือคล้ายเเป้งเปียก แต่ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ไม่คัน โดยทั่วไปแล้ว สตรีอาจมีการตกขาวบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงของการตกไข่ ช่วงของการตั้งครรภ์ หรือช่วงที่รับประทานยาคุมกำเนิด ก็อาจจะยิ่งทำให้มีการตกขาวได้ชัดเจนขึ้น หากตกขาวมีลักษณะดังกล่าวข้างต้นก็ไม่มีข้อบ่งชี้ที่จะต้องรักษาแต่อย่างใด เว้นแต่การตกขาวนั้นเป็นอยู่นานเกิน 2 สัปดาห์ มีสีที่เปลี่ยนแปลง มีกลิ่น สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

เดอร์มอยซีสต์

เดอร์มอยซีสต์

เดอร์มอยซีสต์ เชื่อว่าหลายคน เคยได้ยินโรคซีสต์หรือถุงน้ำที่รังไข่ แต่ไม่คุ้นเคยกับโรคถุงน้ำเดอร์มอยด์ (Dermoid Cyst) ที่เกิดจากเซลล์ที่มีความสามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ มาอยู่ที่บริเวณรังไข่ตั้งแต่แรกเกิด แล้วมีการพัฒนาหรือถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยบางอย่างให้เจริญไปเป็นเซลล์ไขมัน เส้นผม กระดูกอ่อน หรือฟัน จนคิดว่าโดนของหรือคุณไสยฯ ทั้งที่ความจริง ทางการแพทย์ได้มีการอธิบายเอาไว้ โรคถุงน้ำเดอร์มอยด์ เป็นโรคที่พบได้บ่อย ๆ ในคุณผู้หญิง ที่น่าสนใจคือ มักจะไม่มีอาการใด ๆ เลย และพบได้แม้อายุยังน้อย ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งโอกาสกลายเป็นมะเร็งมีน้อยมาก ภาวะแทรกซ้อนของโรคถุงน้ำเดอร์มอยด์ บิดขั้ว เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้มากที่สุดในโรคถุงน้ำเดอร์มอยด์ คนไข้จะมีอาการปวดบริเวณท้องน้อยด้านซ้ายหรือขวา กดเจ็บบริเวณท้องน้อย คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาจมีไข้ต่ำ ๆ ได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดฉุกเฉินจะทำให้รังไข่ข้างนั้น ๆ ขาดเลือดไปเลี้ยงเป็นเวลานาน ส่งผลให้รังไข่เน่า ทำให้จำเป็นต้องตัดรังไข่ข้างนั้นทิ้งในที่สุด แตกหรือรั่ว เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้กับโรคถุงน้ำรังไข่ทุกชนิด รวมทั้งโรคถุงน้ำเดอร์มอยด์ คนไข้จะมีอาการปวดท้องน้อยฉับพลัน และปวดตลอดเวลา ซึ่งถ้ามีเลือดออกในช่องท้องจำนวนมาก จะทำให้เกิดภาวะช็อกได้ ติดเชื้อ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็ทำให้เกิดอาการรุนแรงได้ คนไข้จะมีอาการไข้สูง ร่วมกับการปวดท้องน้อยที่รุนแรง มะเร็ง แม้จะมีโอกาสน้อยแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทางการแพทย์พบโอกาสเป็นมะเร็งได้ประมาณ 1% ถุงน้ำเดอร์มอยด์ เป็นโรคที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น ไม่สามารถทำให้เล็กลงด้วยยาหรือฮอร์โมน ซึ่งต่างจากช็อกโกแลตซีสต์ ผ่าตัดเลาะเฉพาะถุงน้ำ (Ovarian Cystectomy) โดยจะทำในกรณีที่ยังไม่มีรังไข่เน่า จากภาวะแทรกซ้อนจากรังไข่บิดขั้ว และถุงน้ำมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นการตรวจพบถุงน้ำรังไข่ก่อนที่จะมีขนาดใหญ่จนเกิดภาวะแทรกซ้อนจึงเป็นการดีที่สุด เพราะการผ่าตัดในขณะที่ขนาดถุงน้ำรังไข่มีขนาดเล็กนั้นทำได้ง่ายกว่า และสูญเสียเนื้อรังไข่น้อยกว่า ส่งผลดีในกรณีที่คนไข้อายุยังน้อย และมีความต้องการมีบุตรในอนาคต ผ่าตัดรังไข่ข้างนั้น ๆ (Unilateral Oophorectomy) จะทำในกรณีที่มีภาวะรังไข่เน่าจากการที่รังไข่บิดขั้ว ทำให้รังไข่ขาดเลือดไปเลี้ยงเป็นเวลานานจนรังไข่เน่า กรณีที่ถุงน้ำมีขนาดใหญ่มาก ๆ ไม่มีเนื้อรังไข่ส่วนที่ดีเหลืออยู่ และรังไข่อีกข้างดูปกติดี เพราะการเหลือรังไข่ 1 ข้าง เพียงพอสำหรับการผลิตฮอร์โมนเพศหญิงได้ หรือกรณีที่อายุมาก ๆ สงสัยว่าอาจมีเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตาม คุณผู้หญิงทุกเดอร์มอยด์ซีสต์ เป็นโรคถุงน้ำรังไข่ชนิดหนึ่ง ไม่ใช่โรคจากการถูกทำไสยศาสตร์ตามที่เข้าใจกัน หากผู้ป่วยมีอาการ เช่น ปวดท้องน้อยฉับพลัน หรือรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที ขอบคุณข้อมูลจาก : ฺBDMS สถานีสุขภาพ

รับสมัครผู้สนใจ "เลเซอร์รีแพร์"

รับสมัครผู้สนใจ "เลเซอร์รีแพร์"

รับสมัครผู้สนใจ "เลเซอร์รีแพร์" แจกฟรี! โปรแกรมเลเซอร์สุดพิเศษจากโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี #กดแชร์ก่อนเลยยยย ฟรี 3 ท่าน! “รีวิวหลังรีแพร์น้องสาว” คืนความมั่นใจและสุขภาพที่ดี ด้วยเลเซอร์กระชับช่องคลอด #แบบไม่ต้องผ่าตัด ฟรีอีก 3 ท่าน! รีวิวเลเซอร์รักษารอยแผล รอยท้องแตกลาย และแผลผ่าตัดหลังคลอด ท่านละ 3 ครั้ง #รีวิวหลังเห็นผลชัดเจน ให้การดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางที่ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี มั่นใจในคุณภาพและผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับ #รีวิวเลเซอร์ #กระชับช่องคลอด #รักษารอยแผลผ่าตัด #สุขภาพสตรี #โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี #คุณสมบัติผู้สมัคร คุณแม่หลังคลอด รู้สึกไม่กระชับ ผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด ผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดแห้ง ผู้ที่มีช่องคลอดหลวมแต่ไม่อยากพักฟื้น ไม่อยากผ่าตัด ผู้ที่มีความรู้สึกเจ็บหลังมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาท้องลาย หลังคลอด สะดวกรับบริการไม่เกินวันที่ 15 ธันวาคม 2567 สะดวกรีวิวหลังรับบริการ ผู้ที่สนใจแชร์โพสต์นี้ เป็นสาธารณะ พร้อมลงทะเบียน โปรแกรมที่สนใจ.. เคสรีวิวเลเซอร์กระชับช่องคลอด (ฟรี 1 ครั้ง) https://docs.google.com/.../1ru2AOlfs4uoiPVaS.../viewform... เคสรีวิวเลเซอร์รักษารอยแผลผ่าตัดหลังคลอด (ฟรี 3 ครั้ง) https://docs.google.com/.../1KE0Sex8C80zzrjnuc0p2KVg.../edit เปิดลงทะเบียนวันที่ 8 - 25 ตุลาคม 2567 นัดคัดเลือกวันที่ 26 - 29 ตุลาคม 2567 ประกาศผล 30 ตุลาคม 2567 สะดวกรับบริการไม่เกินวันที่ 15 ธันวาคม 2567 #เลเซอร์รีแพร์ #ศูนย์สุขภาพสตรี