มะเร็งรังไข่

มะเร็งรังไข่

ปกติผู้หญิงจะมีรังไข่สองข้าง โอกาสที่จะเกิดมะเร็งรังไข่ทั้งสองข้างพร้อมๆ กันมีประมาณ 25% และเป็นโรคที่พบได้ตั้งแต่อายุน้อย และมีโอกาสเสี่ยงสูงมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีอายุ 50 ปีขึ้นไป ประวัติการณ์ของโรคมะเร็งรังไข่ในไทยเป็นมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรีพบได้บ่อยเป็นอันดับ 2 รองลงมาจากมะเร็งปากมดลูก และเป็นอันดับ 6 ของมะเร็งทั้งหมดที่พบในหญิงไทย ซึ่งอุบัติการณ์ของมะเร็งรังไข่ 5.2 ต่อประชากรสตรี 100,000 คนต่อปี ปัจจุบันได้มีการค้นพบยีนที่เกี่ยวข้องกับการเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่

สาเหตุการเกิดมะเร็งรังไข่ สามารถเกิดขึ้นได้ 3 กลุ่มใหญ่คือ

  • มะเร็งฟองไข่ที่เกิดจากเซลล์ตัวอ่อน มีโอกาสพบได้ 5%
  • มะเร็งที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุผิวรังไข่ ซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่คือประมาณ 90%
  • มะเร็งเนื้อรังไข่ ซึ่งมีโอกาสพบได้น้อยมาก

สาเหตุ” ของการเกิดมะเร็งรังไข่

  • ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ยิ่งในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งก็จะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงขึ้น
  • พบในคนอ้วนมากกว่าคนผอม
  • เกิดกับคนที่มีประจำเดือนเร็วคืออายุน้อยกว่า 12 ปี หรือหมดประจำเดือนช้ากว่าอายุ 55 ปี
  • คนที่มีภาวะมีบุตรยากและต้องใช้ยากระตุ้นการตกไข่
  • หญิงที่ยังไม่เคยตั้งครรภ์ก็มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่สูงกว่าหญิงที่เคยตั้งครรภ์มากกว่า 2 ครรภ์ขึ้นไป

อาการเริ่มต้นของ “มะเร็งรังไข่

น่าแปลกที่อาการเริ่มแรกแทบไม่เกี่ยวข้องกับมะเร็งรังไข่เลย เช่น อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ กินอาหารนิดเดียวก็รู้สึกอึดอัดในช่องท้อง รวมถึงมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย ท้องผูก เบื่ออาหาร น้ำหนักขึ้นหรือลดลงโดยไม่มีสาเหตุ ปัสสาวะบ่อย ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้ทำให้หลายคนประมาทและไม่คิดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของมะเร็งรังไข่ได้ กว่าจะพบก็มักจะเป็นในระยะลุกลามไปแล้ว คือจะคลำพบก้อนเนื้อบริเวณท้องน้อยเริ่มมีอาการปวดท้อง หรือมีน้ำในช่องท้อง

4 ระยะของมะเร็งรังไข่

  • ระยะที่ 1: เซลล์มะเร็งกระจายอยู่เฉพาะรังไข่ หากมีการตรวจพบในช่วงนี้ ก็จะทำการผ่าตัดรักษาได้ทันท่วงที โดยที่ยังไม่ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ หากมีการตรวจภายในเป็นประจำก็มีโอกาสที่จะพบในระยะนี้ได้มากกว่าคนที่ไม่เคยตรวจเลย
  • ระยะที่ 2: เซลล์มะเร็งกระจายไปสู่อุ้งเชิงกราน ก็ยังอยู่ในระยะที่ตรวจพบได้น้อยเช่นกัน เนื่องจากไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมาเลย ทำให้มะเร็งรังไข่ลุกลามกลายเป็นภัยเงียบที่อันตรายกว่าที่หลายคนคิด
  • ระยะที่ 3: เซลล์มะเร็งกระจายไปสู่เยื่อบุช่องท้อง เป็นระยะที่มักตรวจพบมากที่สุด เนื่องจากหน้าท้องจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนสังเกตเห็นได้ถึงความผิดปกตินี้ เนื่องจากสารน้ำต่างๆ ในท้องมากขึ้น และคนไข้จะมีอาการตึงและแข็งที่ท้องมากขึ้น แต่น้ำหนักกลับลดลง
  • ระยะที่ 4: เซลล์มะเร็งกระจายเข้าสู่อวัยวะอื่นๆ นอกช่องท้อง อาจไล่ไปที่ตับ ปอดอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากการไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น กลุ่มเสี่ยงที่เกิดมาข้างต้นและมีอาการแปลกๆ จึงไม่ควรมองข้าม เพราะในระยะแรกจะสามารถรักษาได้ง่ายกว่าในระยะอื่นๆ ดังนั้นผู้หญิงเราจึงควรป้องกันด้วยการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี และเน้นการตรวจภายในหรือตรวจอัลตร้าซาวด์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และควรลดการรับประทานไขมันจากสัตว์ เพราะหากทานปริมาณที่มากเกินไปก็อาจมีแนวโน้มความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งรังไข่ได้มากเท่านั้น และรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาหากพบความผิดปกติอย่างเร่งด่วน ซึ่งก็มีตั้งแต่การผ่าตัด การใช้เคมีบำบัด และการฉายรังสี

ขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS สถานีสุขภาพ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ช็อกโกแลตซีสต์เกิดที่ไหนได้บ้าง

ช็อกโกแลตซีสต์เกิดที่ไหนได้บ้าง

ช็อกโกแลตซีสต์เกิดที่ไหนได้บ้าง? ช็อกโกแลตซีสต์ ความผิดปกติที่ผู้หญิงทุกคนเสี่ยงและไม่ได้เกิดได้แค่รังไข่อย่างเดียวเท่านั้น มดลูกมีเยื่อบุโพรงมดลูกที่บุภายใน ทำหน้าที่สร้างประจำเดือน ซึ่งสามารถหลุดร่อนได้ ดังนั้นภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่จึงหมายถึง ภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูกหรือแทรกในผนังหรือกล้ามเนื้อมดลูก รวมถึงอาจไปเติบโตตามอวัยวะต่างๆ ทั้งเยื่อบุช่องท้อง รังไข่ ผนังกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น เมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกเติบโตผิดที่ การทำหน้าที่ของเยื่อบุโพรงมดลูกในการสร้างประจำเดือนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เลือดสีแดงคล้ำหรือข้นคล้ายช็อกโกแลตไปปรากฏในอวัยวะต่างๆ บริเวณที่มักพบเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ รังไข่ หรือที่เรียกว่า ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) เกิดจากเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกและประจำเดือนไหลย้อนกลับไปสะสมในรังไข่ มีลักษณะเป็นถุงน้ำรังไข่ที่บรรจุของเหลวคล้ายช็อกโกแลต ซึ่งถุงน้ำจะใหญ่ขึ้นๆ จากการถูกเติมเต็มในรอบเดือนแต่ละเดือน จะใหญ่เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย และทำให้เกิดพังผืดหนาขึ้นเรื่อยๆ กล้ามเนื้อมดลูก เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้เกิดพังผืดหรือก้อนในกล้ามเนื้อมดลูก ซึ่งภาวะนี้เรียกว่า โรคที่เกิดจากการที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis) ซึ่งมี 2 แบบคือ ชนิดที่อยู่เฉพาะที่ในชั้นกล้ามเนื้อมดลูกและชนิดที่กระจายในชั้นกล้ามเนื้อมดลูกทั่วไป สาเหตุของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ส่วนใหญ่เกิดจากการไหลย้อนกลับของประจำเดือนเข้าไปในอุ้งเชิงกรานผ่านท่อนำไข่และฝังตัวในโพรงมดลูกหรือฝังตามอวัยวะต่างๆ บริเวณที่พบบ่อยคืออุ้งเชิงกราน รังไข่ ท่อนำไข่ ผนังอุ้งเชิงกราน ผิวมดลูก ปากมดลูก นอกจากนี้เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกสามารถกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ อาทิ ผนังลำไส้ เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น ผู้หญิงหลายคนที่อยากมีบุตรแล้วตรวจพบช็อกโกแลตซีสต์ยังคงสามารถตั้งครรภ์ได้ตามวิธีธรรมชาติ และอาการของช็อกโกแลตซีสต์จะดีขึ้นด้วย เนื่องจากในระหว่างที่ตั้งครรภ์ ฮอร์โมนเพศจะลดลงช่วง 9 เดือนของการตั้งครรภ์ รวมถึงหลังคลอดบุตร 3-6 เดือน ทำให้ไม่มีประจำเดือน ถุงน้ำช็อกโกแลตซีสต์ไม่ถูกเติมด้วยประจำเดือน ค่อยๆ ฝ่อหายไปเองได้ แต่อย่างไรก็ตามช็อกโกแลตซีสต์ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมนและปัจจัยต่างๆ ทั้งนี้เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ได้เช่นกัน หากมารดาเคยเป็นโรคนี้ก็มีโอกาสที่บุตรสาวจะเป็นโรคเดียวกันได้ 3-7 เท่า เพราะฉะนั้นควรตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอทุกปีและหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบสูติ-นรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว วิธีการรักษา ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละคน ประกอบด้วย การใช้ยา ได้แก่ ยาแก้ปวดกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบแบบไม่มีสเตียรอยด์เพื่อลดอาการปวดประจำเดือนและปวดท้องน้อย ฮอร์โมนบำบัด มีทั้งยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด และห่วงฮอร์โมนที่ใส่ในโพรงมดลูก เพื่อลดการมีเลือดประจำเดือนมากหรือปวดประจำเดือน ซึ่งผู้ป่วยไม่สามารถตั้งครรภ์หากใช้ยาในการรักษา ผ่าตัด โดยการผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) ช่วยให้เจ็บน้อย แผลเล็ก โอกาสเกิดพังผืดหลังผ่าตัดลดลง และการผ่าตัดเนื้องอกผ่านผนังหน้าท้องแบบแผลเล็กกว่าหรือเท่ากับ 6 เซนติเมตร (Minilaparotomy Myomectomy) และการผ่าตัดเนื้องอกผ่านผนังหน้าท้อง (Abdominal Myomectomy) ขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS สถานีสุขภาพ

ผ่าตัดมะเร็งเต้านมแบบสงวนเต้าและเลาะต่อมน้ำเหลือง

ผ่าตัดมะเร็งเต้านมแบบสงวนเต้าและเลาะต่อมน้ำเหลือง

ผ่าตัดมะเร็งเต้านมแบบสงวนเต้าและเลาะต่อมน้ำเหลือง คืนความมั่นใจให้ผู้หญิงผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งเข้ารับการตรวจสุขภาพ พบก้อนเนื้อที่เต้านมจากการตรวจ แมมโมแกรมร่วมกับอัลตราซาวนด์เต้านม หลังการวินิจฉัย ทีมแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีได้วางแผนการรักษาด้วยเทคนิคทันสมัย “การผ่าตัดมะเร็งเต้านมแบบสงวนเต้าและเลาะต่อมน้ำเหลือง” Excision breast mass with axillary lymph node dissection.การผ่าตัดแบบสงวนเต้าคืออะไร คือเทคนิคเลาะเฉพาะก้อนเนื้อและเนื้อเยื่อที่จำเป็น เก็บรักษาเต้านมไว้ โดยตรวจสอบต่อมน้ำเหลืองอย่างละเอียด เพื่อประเมินการกระจายของโรคลดผลกระทบด้านภาพลักษณ์และจิตใจ พร้อมคงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้มากที่สุดเคสผู้ป่วยท่านนี้ดูแลโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ- พญ.ชนินพร แสงศรี แพทย์ผู้ชำนาญการ สาขาศัลยศาสตร์ อนุสาขาศัลยศาสตร์ศีรษะ คอ และเต้านมและแพทย์ร่วมผ่าตัด- นพ.ธวัชชัย ไตรมิตรวิทยากุล แพทย์ผู้ชำนาญการ สาขาศัลยศาสตร์#เพราะการรักษาไม่ได้จบแค่ในห้องผ่าตัด แต่ยังหมายถึงการคืนความมั่นใจ การใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และการเข้าสังคมได้ใกล้เคียงเดิมที่สุด อย่ารอให้สายเกินไป…เพราะการรู้เร็ว คือการเพิ่มโอกาสให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

ปวดท้องน้อยในสตรี

ปวดท้องน้อยในสตรี

ปวดท้องน้อยในสตรี ปวดท้องน้อย เกิดได้ทั้งชายและหญิง ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตและปัจจัยเนื่องจากในช่องท้องนั้นประกอบด้วยอวัยวะภายในหลายอย่างด้วยกัน เช่น ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ไส้ติ่ง ระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ ขณะที่ผู้หญิงอาจมีความเสี่ยงในมดลูก รังไข่และปีกมดลูก ด้วย ซึ่งบ่อยครั้งที่ไม่สามารถแยกไส้ติ่งอักเสบออกจากถุงน้ำรังไข่ที่แตกได้ หรือไม่สามารถแยกโรคมดลูกอักเสบเฉียบพลันออกจากภาวะไส้ติ่งแตกได้ การวินิจฉัยหาสาเหตุเรื่องของปวดท้องน้อย บางครั้งจึงจำเป็นต้องมีแพทย์หลายๆแผนก มาร่วมกันในการดูแลรักษา การวินิจฉัยสาเหตุปวดท้องน้อยนั้น จำเป็นต้องซักประวัติให้ละเอียด เช่น ปวดท้องน้อยมากี่วัน เป็นมานานแล้วหรือยัง เคยปวดท้องน้อยลักษณะเดียวกันมาก่อนหรือไม่ การรักษาที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือไม่ นอกจากนั้น ประวัติในครอบครัว และประวัติการเกิดโรคในอดีตที่เกี่ยวกับระบบภายในด้วย รวมถึงอาการปวดที่อาจจะแตกต่างกันออกไป เช่น ปวดตื้นๆ หรือปวดลึกๆ มีจุดกดเจ็บหรือไม่ ลักษณะการปวดเป็นแบบบีบๆ ปวดดิ้น ปวดแบบมวนๆ ในช่องท้อง หรือเจ็บเหมือนมีเข็มตำ ปวดจนเป็นลมหรือเปล่า ปวดท้องน้อยสตรี สามารถแยกออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ปวดท้องน้อยเฉียบพลัน ( Acute pelvic pain ) มักเกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะในช่องท้องที่เป็นสาเหตุหรืออาจเกิดจากอวัยวะที่เป็นสาเหตุได้รับความเสียหาย มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย หรือมาอาการเป็นลมในบางราย สาเหตุของอาการปวดท้องน้อยลักษณะนี้ มดลูกอักเสบเฉียบพลัน ถุงน้ำรังไข่แตก รั่วหรือบิดขั้ว ภาวะไข่ตกในช่วงกลางรอบเดือน นิ่วในท่อไต กระเพาะปัสสาวะอักเสบ การตั้งครรภ์นอกมดลูก ปวดท้องน้อยเป็นซ้ำ ( recurrent pelvic pain ) วินิจฉัยว่าปวดท้องน้อยเนื่องจากไข่ตก ( Mittelschmerz ) กลุ่มนี้เกิดจากมีการหลั่งสารโพสตร้าแกลนดินออกมาจากถุงไข่ที่รั่วออกมา ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะปวดสั้นๆ 1-2 วัน ในช่วงกลางรอบเดือน รับประทานยาแก้ปวดก็ดีขึ้น แต่ในกรณีที่รับประทานยาแก้ปวด อาการก็ไม่ทุเลาหรือมีภาวะอื่นร่วมด้วย เช่น เป็นลม เหนื่อยง่าย จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อให้การวินิจฉัยที่ถูกต้องต่อไปปวดประจำเดือนแบบปฐมภูมิ ( primary dysmenorrhea ) อาการปวดประจำเดือนมักเกิดในช่วงก่อนมีประจำเดือนและอาจปวดต่อเนื่องได้ถึง 72 ชม อาการปวดมักจะทุเลาได้โดยการใช้ยากลุ่มยับยั้งการสร้างโพสตร้าแกลนดินหรือการใช้ยาคุมกำเนิด ผู้ป่วยกลุ่มนี้ อาการปวดมักจะดีขึ้นหลังหลังจากมีบุตร ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ( Chronic pelvic pain ) เป็นภาวะที่พบบ่อย และเป็นปัญหามากในการวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีประวัติการรักษาจากแพทย์หลายคน เนื่องจากการวินิจฉัยหาสาเหตุค่อนข้างยาก ภาวะปวดท้องน้อยเรื้อรัง ลักษณะของการปวดท้องน้อย ที่มักปวดตลอดหรืออาจจะปวดเป็นช่วงๆ ไม่สม่ำเสมอ ( non cycle pain ) ไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ และอาการปวดท้องน้อยมักเป็นต่อเนื่องกันมากกว่า 3- 6 เดือน พบว่า ภาวะปวดท้องน้อยเรื้อรังนั้นเป็นสาเหตุในผู้ป่วยที่ตัดมดลูกทั้งหมด ถึง 18% สาเหตุปวดท้องน้อยเรื้อรัง เยื่อบุประจำเดือนอยู่ผิดที่ ช๊อคโกเล็ตซีสต์ พังผืดในช่องท้อง โดยเฉพาะพังผืดที่ยึดระหว่างลำไส้ใหญ่ส่วนปลา ( sigmoid colon ) กับผนังช่องท้อง เป็นสาเหตุถึง 38 % ในผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยเรื่องปวดท้องน้อยเรื้อรัง มดลูกและปีกมดลูกอักเสบเรื้อรัง เส้นเลือดโป่งพองในอุ้งเชิงกราน ( pelvic congestion ) เนื้องอกมดลูก เนื้องอกและถุงน้ำรังไข่ เนื้องอกและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้แปรปวน จะเห็นได้ว่าปัญหาระบบภายในของผู้หญิงซับซ้อนเป็นอย่างมาก การตรวจภายในจึงสำคัญ เช่นการตรวจวินิจฉัยด้วยอัลตร้าซาวด์ หรือเอกเรย์คองพิวเตอร์ เช่น CT หรือ MRI จำเป็นสำหรับการช่วยวินิจฉัยโรคและแยกโรคในกรณีที่คิดว่าเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้เล็กหรือลำไส้ใหญ่ การตรวจสวนลำไส้ใหญ่ หรือการส่องกล้องลำไส้เล็กก็จำเป็นในกรณีที่ผุ้ป่วยได้รับการตรวจวินิจฉัยหลายอย่างแล้ว ก็ยังไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน การส่องกล้องวินิจฉัยในช่องท้อง ( Diagnostic laparoscope ) ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แพทย์จะใช้ในการตรวจวินิจฉัย แต่เนื่องจากการตรวจด้วยการส่องกล้องวินิจฉัยในช่องท้องนั้น จำเป็นต้องนำผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัดและดมยาสลบ การเลือกใช้วิธีนี้จึงควรมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามการรักษาโรค ขึ้นกับการตรวจพบสาเหตุของโรค ให้การรักษาตามสาเหตุโดยคำนึงถึงอายุ ประวัติการมีบุตรร่วมด้วย ขอบคุณข้อมูลจาก : ฺBDMS สถานีสุขภาพ

การผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง

การผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง

การผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีภูมิใจเสนอเทคโนโลยีการผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษาโรคทางนรีเวช ตั้งแต่กระบวนการตรวจพบปัญหาจนถึงการรักษา เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการอย่างมีคุณภาพแก่ผู้ป่วยของเรา การผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้องคืออะไร? การผ่าตัดผ่านกล้อง หรือที่รู้จักกันในชื่อ Laparoscopic Surgery เป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้กล้องขนาดเล็กและเครื่องมือพิเศษช่วยในการผ่าตัดโดยไม่ต้องกรีดเปิดแผลกว้างแบบการผ่าตัดดั้งเดิม ซึ่งกล้องจะมีกำลังขยายที่สูงทำให้แพทย์สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและทำการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น อีกทั้งหลังผ่าตัดจะมีแผลขนาดเล็กที่ทิ้งรอยน้อยกว่าการผ่าตัดทั่วไป ทำไมการผ่าตัดผ่านกล้องถึงน่าสนใจ? แผลขนาดเล็ก: การผ่าตัดผ่านกล้องจะทำให้ได้แผลที่มีขนาดเล็กกว่าการผ่าตัดแบบเปิด ฟื้นตัวเร็ว: เนื่องจากแผลมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยมักจะรู้สึกดีขึ้นและฟื้นตัวได้เร็วกว่ามาก สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็วขึ้น ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ: แผลขนาดเล็กทำให้โอกาสในการติดเชื้อลดลง เจ็บน้อยลง: การใช้กล้องและเครื่องมือพิเศษทำให้เกิดแผลเล็กๆ เจ็บปวดหลังการผ่าตัดน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดซึ่งมีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ ผลลัพธ์ที่ดีกว่า: กล้องกำลังขยายสูงให้การมองเห็นที่ชัดเจนและแม่นยำขณะทำผ่าตัดส่งผลแพทย์สามารถทำการผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช (Laparoscopic Gynecologic Surgery) สามารถวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติต่าง ๆ ได้ดังนี้ เนื้องอกในมดลูก (Uterine Fibroids): เนื้องอกที่เกิดในผนังของมดลูก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหรือเลือดออกผิดปกติ ซีสต์ในรังไข่ (Ovarian Cysts): ซีสต์หรือถุงน้ำที่เกิดในรังไข่ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการปวดหรือมีความเสี่ยงในการเกิดโรคที่ร้ายแรง ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis): โรคที่เกิดจากการมีเนื้อเยื่อคล้ายเยื่อบุโพรงมดลูกเติบโตนอกมดลูก ทำให้เกิดอาการปวดท้องและปัญหาการเจริญพันธุ์ ปัญหาเกี่ยวกับท่อนำไข่ (Fallopian Tube Issues): การอุดตันหรือการบาดเจ็บที่ท่อนำไข่ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการตั้งครรภ์ โรคพังผืดในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Adhesions): พังผืดที่เกิดจากการติดเชื้อหรือการผ่าตัดก่อนหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดและปัญหาการตั้งครรภ์ การตกเลือดผิดปกติ (Abnormal Uterine Bleeding): อาการเลือดออกผิดปกติที่อาจเกิดจากปัญหาหลายประการ เช่น เนื้องอกในมดลูกหรือการเจ็บป่วยทางนรีเวชอื่นๆ การรักษาภาวะมดลูกหย่อน (Uterine Prolapse): ภาวะที่มดลูกเคลื่อนที่ลงมาจากตำแหน่งปกติ ซึ่งอาจต้องการการรักษาเพื่อฟื้นฟูการทำงานของมดลูก การผ่าตัดเพื่อการวินิจฉัย (Diagnostic Laparoscopy): ใช้เพื่อค้นหาสาเหตุของอาการที่ไม่ชัดเจนหรือเพื่อประเมินปัญหาทางนรีเวชที่ไม่สามารถระบุได้ด้วยการตรวจแบบอื่น การผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวชมีข้อดีในการลดขนาดของแผลและลดระยะเวลาการพักฟื้น ดังนั้นจึงมักเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการให้ร่างกายฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและมีผลข้างเคียงหลังผ่าตัดน้อย หากพบมีอาการที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคที่กล่าวมาข้างต้น การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ใครบ้างที่เหมาะกับการผ่าตัดผ่านกล้อง? การผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้องเหมาะสำหรับการรักษาหลายกรณี เช่น การรักษาเนื้องอกในมดลูก, การรักษานิ่วในถุงน้ำดี, และการรักษาปัญหาทางนรีเวชอื่นๆ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีเรามีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการรักษาโดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง หากท่านการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง หรือปรึกษาเกี่ยวกับความต้องการด้านการรักษากรุณาติดต่อเราเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 039-319888

เชื้อราในช่องคลอด

เชื้อราในช่องคลอด

เชื้อราในช่องคลอด ในช่องคลอดของสตรีจะมีเชื้อแบคทีเรียที่คอยปกป้องช่องคลอดจากเชื้อราที่เป็นอันตราย โดยจะสร้างกรดมาควบคุมไม่ให้เชื้อราเจริญได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อใดที่ช่องคลอดมีภาวะไม่สมดุล หรือมีปัจจัยที่ทำให้แบคทีเรียเหล่านี้ถูกทำลาย ช่องคลอดก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อนี้และมีอาการแสดงขึ้น เช่น คนในช่องคลอด หรือรอบ ๆ ปากช่องคลอด มีตกขาวคล้ายแป้งเปียกหรือคราบนม อาจมีความรู้สึกเจ็บขณะร่วมเพศ ปัสสาวะแสบขัด มีผื่นแดงที่ช่องคลอดหรือขาหนีบ การรักษา เมื่อเเพทย์ตรวจจนได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วว่าผู้ป่วยมีการติดเชื้อราที่ช่องคลอด แพทย์มักจะพิจารณารักาาด้วยยาปฏิชีวนะตามความเหมาะสม การป้องกัน ดูแลจุดซ่อนเล้นให้สะอาด ไม่อับชื้น สวมกางเกงชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี ลดความอับชื้น ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด กรณีมีความจำเป็นควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ หลีกเลี่ยงการรับประทานยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น เนื่องจากยาปฏิชีวนะบางตัวมีผลทำลายแบคทีเรียที่ดีในช่องคลอด สอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

รับสมัครผู้สนใจ "เลเซอร์รีแพร์"

รับสมัครผู้สนใจ "เลเซอร์รีแพร์"

รับสมัครผู้สนใจ "เลเซอร์รีแพร์" แจกฟรี! โปรแกรมเลเซอร์สุดพิเศษจากโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี #กดแชร์ก่อนเลยยยย ฟรี 3 ท่าน! “รีวิวหลังรีแพร์น้องสาว” คืนความมั่นใจและสุขภาพที่ดี ด้วยเลเซอร์กระชับช่องคลอด #แบบไม่ต้องผ่าตัด ฟรีอีก 3 ท่าน! รีวิวเลเซอร์รักษารอยแผล รอยท้องแตกลาย และแผลผ่าตัดหลังคลอด ท่านละ 3 ครั้ง #รีวิวหลังเห็นผลชัดเจน ให้การดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางที่ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี มั่นใจในคุณภาพและผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับ #รีวิวเลเซอร์ #กระชับช่องคลอด #รักษารอยแผลผ่าตัด #สุขภาพสตรี #โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี #คุณสมบัติผู้สมัคร คุณแม่หลังคลอด รู้สึกไม่กระชับ ผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด ผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดแห้ง ผู้ที่มีช่องคลอดหลวมแต่ไม่อยากพักฟื้น ไม่อยากผ่าตัด ผู้ที่มีความรู้สึกเจ็บหลังมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาท้องลาย หลังคลอด สะดวกรับบริการไม่เกินวันที่ 15 ธันวาคม 2567 สะดวกรีวิวหลังรับบริการ ผู้ที่สนใจแชร์โพสต์นี้ เป็นสาธารณะ พร้อมลงทะเบียน โปรแกรมที่สนใจ.. เคสรีวิวเลเซอร์กระชับช่องคลอด (ฟรี 1 ครั้ง) https://docs.google.com/.../1ru2AOlfs4uoiPVaS.../viewform... เคสรีวิวเลเซอร์รักษารอยแผลผ่าตัดหลังคลอด (ฟรี 3 ครั้ง) https://docs.google.com/.../1KE0Sex8C80zzrjnuc0p2KVg.../edit เปิดลงทะเบียนวันที่ 8 - 25 ตุลาคม 2567 นัดคัดเลือกวันที่ 26 - 29 ตุลาคม 2567 ประกาศผล 30 ตุลาคม 2567 สะดวกรับบริการไม่เกินวันที่ 15 ธันวาคม 2567 #เลเซอร์รีแพร์ #ศูนย์สุขภาพสตรี