แพ็กเกจเด็กหลอดแก้ว (ICSI)

🤰มาทำให้การมีลูก..ไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไปการทำด้วยอิ๊กซี่ (ICSI)

อิ๊กซี่ (ICSI) คืออะไร ? ช่วยรักษาภาวะมีบุตรยากได้อย่างไร ? ใครที่กำลังประสบปัญหามีบุตรยาก ทำมาหลายวิธีแล้วไม่สำเร็จ “อิ๊กซี่” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้

อิ๊กซี่ (ICSI) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ เพื่อรักษาผู้มีบุตรยาก ที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย และเป็นยอมรับในทางการแพทย์ทั่วโลก เพราะมีโอกาสมีลูกได้สำเร็จสูงกว่าวิธีอื่น ๆ ช่วยให้คู่รักที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก เข้าเส้นทางสู่การเป็นพ่อแม่ได้สมปรารถนา

📌 เป็นการคัดเอาตัวอสุจิที่มีความแข็งแรงที่สุด ผ่านการส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์และฉีดเข้าไป เพื่อให้ผสมกับไข่แบบเจาะจงด้วยเข็มขนาดเล็ก พอผสมกันแล้วจะนำไปเลี้ยงในห้องปฏิบัติการด้วยน้ำยาเลี้ยงพิเศษ จากนั้นเมื่อตัวอ่อนพัฒนาไปอยู่ในระยะที่เหมาะสมแล้ว ก็จะนำเข้าไปใส่ในโพรงมดลูกเพื่อให้มีการตั้งครรภ์ต่อไป

โปรแกรมเด็กหลอดแก้ว (ICIS Package)

💖 ราคา 250,000 บาท 💖

วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568

โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

👩🏻‍⚕️พญ.ฐิติชญา พฤกษานุศักดิ์

👨‍⚕️นพ. สาโรช วรรณโก

สาขา สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา และการเจริญพันธุ์

ติดต่อเพื่อจองแพ็กเกจหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่

: ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 💖

📞 039-319-888

มาทำให้การมีลูก..ไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป 💖

#ศูนย์สุขภาพสตรี #ICSI #มีบุตรยาก #โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี

บทความที่เกี่ยวข้อง

การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก

การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก

บริการ IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี : สู่เส้นทางการเเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำหรับครอบครัวที่ใฝ่ฝันมีเจ้าตัวน้อย สำหรับคู่รักที่มีความหวังในการมีบุตร แต่พบกับความยากลำบาก IUI (Intra-Uterine Insemination) หรือการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมในเบื้องต้น ด้วยขั้นตอนที่ใกล้เคียงกับการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ ขั้นตอนการเตรียมตัว ฝ่ายชาย จะต้องเตรียมตัวโดยงดการมีเพศสัมพันธ์หรือหลั่งน้ำอสุจิอย่างน้อย 3 – 7 วันก่อนนัดหมาย ฝ่ายหญิง แพทย์จะทำการติดตามการเจริญเติบโตของไข่ด้วยการอัลตราซาวนด์ เพื่อนัดหมายฉีดเชื้อในวันที่ไข่โตเต็มที่ ขั้นตอนการฉีดเชื้อ ฝ่ายชายเก็บน้ำเชื้ออสุจิ น้ำเชื้อจะผ่านการคัดเลือกตัวอสุจิที่แข็งแรง (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) ฝ่ายหญิงจะนอนบนเตียงตรวจทางสูตินรีเวช โดยแพทย์ใช้เครื่องมือขยายช่องคลอด แพทย์จะฉีดน้ำเชื้ออสุจิประมาณ 0.3 มิลลิลิตรเข้าสู่โพรงมดลูกอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นฝ่ายหญิงจะนอนพักประมาณ 20 – 30 นาที ข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดเชื้อ ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ หากมีอาการปวดท้องหรือเลือดออกเล็กน้อยสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น ทำไมเลือก IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี? บริการ IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีมุ่งเน้นการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสหสาขาวิชาชีพ ด้วยมาตรฐานระดับสากล ช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงและภาวะแทรกซ้อนต่ำ หากคุณคือคู่รักที่มีความฝันในการสร้างครอบครัว การเลือก IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีอาจเป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จในเส้นทางนี้. ปรึกษาและนัดหมายแพทย์ได้ที่ https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php

ภาวะมีบุตรยาก : INFERTILITY

ภาวะมีบุตรยาก : INFERTILITY

ภาวะมีบุตรยาก : INFERTILITY ภาวะมีบุตรยาก คือ ภาวะของคู่สมรสที่แต่งงานกันเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมออาทิตย์ละ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วยังไม่เกิดการตั้งครรภ์ สาเหตุของการมีบุตรยาก เเบ่งออกเป็น 3 สาเหตุหลัก ดังนี้ ไม่มีการตกไข่ ท่อนำไข่อุดตันหรือมีพังผืดในอุ้งเชิงกราน เชื้ออสุจิของฝ่ายชายอ่อน (ตรวจนับด้วยคอมพิวเตอร์) การรักษาสามารถแบ่งออกเป็น 3 วิธี ดังนี้ การรักษาโดยการผ่าตัด การรักษาโดยการใช้ยา การรักษาด้วยเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ เป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้แก้ปัญหาการมีบุตรยาก โดยทางโรงพยาบาลกรุงเทพ จันทบุรี มีคลีนิกให้คำปรึกษาและรักษาภาวะการมีบุตรยาก โดยเเพทย์ผู้ชำนาญการสาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา อนุสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกมีบุตรยาก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

ตรวจคุณภาพอสุจิ

ตรวจคุณภาพอสุจิ

บางครั้งปัญหาการมีบุตรยากไม่ได้มาจากฝ่ายหญิงเสมอไป การเตรียมความพร้อมเพื่อมีเจ้าตัวเล็กนั้น การตรวจวิเคราะห์น้ำเชื้อหรือน้ำอสุจิ (Semen Analysis) ของฝ่ายชายเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยประเมินคุณภาพและปริมาณของตัวอสุจิ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่มีค่าสำหรับการวินิจฉัยและวางแผนการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักน้ำอสุจิ “น้ำเชื้อ” หรือ “น้ำอสุจิ” (Semen) เป็นของเหลวที่ประกอบด้วยตัวอสุจิและน้ำหล่อเลี้ยง มีลักษณะสีขาวข้นและหลั่งออกจากร่างกายผู้ชายเมื่อถึงจุดสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นระหว่างมีเพศสัมพันธ์ การช่วยตัวเอง หรือจากฝันเปียก (Wet Dream) ในแต่ละครั้งจะหลั่งน้ำอสุจิประมาณ 3-4 มิลลิลิตร และมีจำนวนอสุจิเฉลี่ยประมาณ 300-500 ล้านตัว ประโยชน์ของการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ การตรวจน้ำอสุจิเป็นวิธีที่สำคัญในการประเมินภาวะมีบุตรยากจากฝ่ายชาย ปัจจัยที่ต้องพิจารณา ได้แก่: ความผิดปกติของจำนวนตัวอสุจิ: อาจเกิดจากท่อนำอสุจิตีบหรือตัน หรืออัณฑะไม่สร้างตัวอสุจิ การเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ: หากตัวอสุจิไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดี อาจไม่สามารถว่ายผ่านปากมดลูกไปพบกับไข่ รูปร่างของตัวอสุจิ: ตัวอสุจิที่มีรูปร่างผิดปกติจะส่งผลกระทบต่อการปฏิสนธิ ควรตรวจน้ำอสุจิเมื่อไร โดยทั่วไปประชากรประมาณ 15% มีปัญหามีบุตรยาก ดังนั้นการตรวจน้ำอสุจิจึงแนะนำให้ทำเมื่อมีเกณฑ์ภาวะมีบุตรยาก แต่ในบางกรณีอาจต้องการตรวจเร็วกว่านั้น เช่น: มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อคุณภาพตัวอสุจิ เช่น โรคตับ โรคไต หรือประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คุณภาพน้ำอสุจิจะเริ่มลดลงหลังอายุ 30 ปี และเห็นผลชัดเจนในอายุ 40 ปี ภรรยาอายุมากกว่า 37 ปี ต้องการข้อมูลเพื่อวางแผนการมีบุตร วิธีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ การตรวจน้ำอสุจิใช้มาตรฐานจากองค์การอนามัยโลก (WHO Criteria) โดยรวมถึงขั้นตอนดังนี้: การตรวจดูด้วยตาเปล่า (Macroscopic Examination): ตรวจสอบลักษณะทั่วไป เช่น สี ความขุ่น และปริมาตร การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ (Microscopic Examination): ตรวจสอบจำนวนตัวอสุจิ อัตราการเคลื่อนไหว และรูปร่าง เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer Assisted Sperm Analysis: CASA) ซึ่งให้ผลการวิเคราะห์ที่มีความแม่นยำสูง ลดความเบี่ยงเบนจากการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ การแปลผลตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ ผลการตรวจน้ำอสุจิจะถือว่าปกติเมื่อมีค่าตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดโดย WHO ได้แก่: ปริมาณน้ำอสุจิ ≥ 1.5 มิลลิลิตร ความเข้มข้นของตัวอสุจิ ≥ 15 ล้านตัว/มิลลิลิตร การเคลื่อนไหว ≥ 40% รูปร่างอสุจิที่ปกติ ≥ 4% ข้อปฏิบัติในการเก็บน้ำอสุจิ ก่อนการตรวจควรงดการหลั่งอสุจิอย่างน้อย 3-7 วัน และต้องเก็บน้ำอสุจิในภาชนะที่สะอาด โดยไม่ควรใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากอาจมีสารที่ทำลายตัวอสุจิ ข้อจำกัดในการเก็บน้ำอสุจิ ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บน้ำอสุจิด้วยตนเองได้ สามารถใช้วิธีหลั่งภายนอกใส่ภาชนะที่โรงพยาบาลจัดให้ แต่การเก็บอาจมีปริมาณน้อยหรือคุณภาพลดลงได้ นอกจากนี้ ควรนำส่งน้ำอสุจิไปยังห้องปฏิบัติการภายใน 1 ชั่วโมงหลังการเก็บ สรุป การตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับการมีลูก โดยช่วยให้คู่รักสามารถวางแผนและหาทางออกในการมีบุตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบปัญหาใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขและวางแผนการรักษาต่อไป นัดหมายแพทย์ คลิก https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php

ฝากไข่ แช่แข็งอสุจิ วางแผนมีลูกเมื่อพร้อม

ฝากไข่ แช่แข็งอสุจิ วางแผนมีลูกเมื่อพร้อม

การมีลูกในเวลาที่พร้อมคือความฝันของพ่อแม่หลายคน หลายครั้งคู่แต่งงานไม่ต้องการมีลูกทันที หรืออาจแต่งงานในช่วงอายุมาก หรือมีปัญหาสุขภาพที่ต้องดูแล การฝากไข่และแช่แข็งอสุจิจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างครอบครัวตามเวลาที่ต้องการ อายุส่งผลต่อโอกาสมีลูก อายุเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 30 ปีมักไม่ประสบปัญหาการตั้งครรภ์ แต่เมื่ออายุเกิน 35 ปี การทำงานของรังไข่จะลดลง คุณภาพและปริมาณของไข่ก็จะลดตามไปด้วย ส่งผลให้การตั้งครรภ์ยากขึ้น สำหรับผู้ชายอายุไม่ได้มีผลชัดเจนต่อคุณภาพของอสุจิ โอกาสตั้งครรภ์อยู่ที่ 30% ต่อเดือน หากไม่มีการตั้งครรภ์ภายใน 1 ปี ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ตรวจ AMH เพื่อเช็กคุณภาพไข่ การตรวจฮอร์โมน AMH (Anti-Mullerian Hormone) ช่วยประเมินคุณภาพไข่และการทำงานของรังไข่ได้ การตรวจนี้สามารถทำได้ง่ายเพียงเจาะเลือด โดยไม่ต้องงดน้ำหรืออาหาร ค่าของ AMH จะช่วยคาดการณ์การตอบสนองของรังไข่เมื่อฉีดยากระตุ้นไข่ ฝากไข่เพื่อเพิ่มโอกาสมีลูก การฝากไข่เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ต้องได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด การฝากไข่จะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่าแช่แข็งอสุจิ เริ่มจากการปรึกษาแพทย์ ตรวจเลือด ตรวจฮอร์โมน และตรวจคัดกรองโรค ก่อนจะทำการกระตุ้นไข่และเก็บไข่เพื่อแช่แข็ง การฉีดยากระตุ้นไข่ด้วยตนเอง ปัจจุบันผู้หญิงสามารถฉีดยากระตุ้นไข่ได้ด้วยตนเอง โดยระยะเวลาในการฉีดอยู่ที่ 9-12 วัน และต้องมีการตรวจสอบการเจริญเติบโตของไข่ด้วยการอัลตราซาวนด์ หลังจากนั้นจึงจะเก็บไข่ในหัตถการขนาดเล็กที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แช่แข็งอสุจิสำหรับผู้ชาย การแช่แข็งอสุจิเป็นทางเลือกสำหรับผู้ชายที่ต้องการมีลูกในอนาคต โดยเฉพาะผู้ที่ต้องรักษาด้วยเคมีบำบัด วิธีการไม่ซับซ้อน ต้องทำการตรวจสุขภาพและเก็บน้ำเชื้อเพื่อเข้าสู่กระบวนการแช่แข็ง อายุการฝากไข่และแช่แข็งอสุจิ แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขชัดเจนเกี่ยวกับอายุการเก็บไข่และอสุจิ แต่แพทย์แนะนำให้ใช้ภายใน 5 ปีแรกหลังการแช่แข็ง เพราะหลังจากนั้นอาจมีความเสี่ยงที่คุณภาพจะลดลง การสังเกตภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง ผู้หญิงสามารถสังเกตภาวะมีบุตรยากจากการติดตามรอบประจำเดือน หากขาดหายไป 3-4 เดือน หรือรอบเดือนยาวผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบ สรุป ไม่ว่าจะเลือกแต่งงานเมื่อใด แนะนำให้มีลูกตามธรรมชาติ โดยมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หากอายุต่ำกว่า 35 ปีควรใช้เวลา 1 ปีแรกหลังแต่งงาน หากอายุมากกว่า 35 ปีควรพยายามไม่เกิน 6 เดือน หากยังไม่สำเร็จควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากเพื่อวางแผนการมีลูกตามที่ตั้งใจ นัดหมายแพทย์ คลิก https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php สอบถามเพิ่มเติมติดต่อคลินิกผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

เครียดมากเกินไป ส่งผลให้มีบุตรยาก!

เครียดมากเกินไป ส่งผลให้มีบุตรยาก!

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด ปัญหาทางสังคม ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาด้านการทำงาน และปัจจัยในด้านต่าง ๆ ล้วนส่งผลกระทบให้ผู้คนเกิดความเครียด และความกังวลเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งความเครียดนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการมีบุตร หรือทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากขึ้นได้ โดยเฉพาะในคุณผู้หญิง หากเกิดความเครียด อาจจะก่อให้เกิดภาวะการตกไข่ที่ผิดปกติ หรือไม่เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะฮอร์โมนจากความเครียดจะไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในระบบสืบพันธุ์ ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์หรือมีบุตรนั้นลดลงไปด้วย หากรู้อย่างนี้แล้วต้องรู้จักระวังตัวเอง อย่าปล่อยให้เกิดความเครียดมากเกินไป จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในจิตใจได้ พร้อมด้วยการปรับพฤติกรรม และ Lifestyle ต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมต่อการมีบุตรที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงไปด้วยกันทั้งครอบครัว ​ ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ BDMS WELLNESS CLINIC https://www.bdmswellness.com/ ปรึกษามีบุตรยากและนัดหมายแพทย์ติดต่อคลินิกผู้มีบุตรยาก โรงำยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

10 พฤติกรรมเสี่ยงมีลูกยาก

10 พฤติกรรมเสี่ยงมีลูกยาก

10 พฤติกรรมเสี่ยงมีลูกยาก 10 พฤติกรรมมีลูกยาก รู้ก่อนวางแผนมีบุตร ลดโอกาสแท้ง-ดาวน์ซินโดรมในเด็ก จริงอยู่ที่ตอนนี้สาวยุคใหม่ หลายคนยังไม่คิดที่จะแต่งงานหรือมีลูก แต่ในอนาคตเมื่อความพร้อมถึงขีดสุด คุณอาจจะอยากมีเจ้าตัวเล็กเอาไว้เป็นยาใจ และครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมก็ได้ แล้วรู้หรือไม่มีหลากหลายพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราเลยทีเดียวที่หากทำบ่อยๆ สะสมมากๆ อาจส่งผลกระทบมาถึงภาวะการมีลูกยากได้ 10 พฤติกรรมควรเลี่ยงเสี่ยงมีลูกยาก ดื่มแอลกอฮอล์มากไป ผลให้โอกาสในการมีลูกลดลงถึง 50% เลยทีเดียว หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือไม่ควรดื่มเกินวันละ 1 ดริ๊งค์ หรือเทียบเท่ากับไวน์ 120 มิลลิลิตร สูบบุหรี่เป็นประจำ การสูบบุหรี่มากกว่าวันละ 10 มวน ส่งผลให้มีลูกยากได้กว่าผู้หญิงทั่วไปถึง 3 เท่า เพราะในบุหรี่มีสารพิษมากมายที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แถมยังมีส่วนช่วยลดประสิทธิภาพของมดลูกที่เป็นที่ฝังของตัวอ่อนอีกด้วย ใครที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ หรืออยากมีลูกควรหลีกเลี่ยง นอกจากนี้แล้วบุหรี่ยังทำให้สาวๆ ถึงวัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) เร็วกว่าปกติถึง 2 ปี และทำให้กระดูกผุหรือเปราะเร็วขึ้นอีกด้วย อายุที่เพิ่มขึ้น อายุที่มากขึ้นฮอร์โมนและความเปลี่ยนแปลงก็มากขึ้นตามไปด้วย สาวๆ ที่อายุ30ขึ้นไปโอกาสในการมีลูกก็จะลดน้อยลงไปด้วย อีกทั้งอายุที่มากขึ้นอาจ เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาลูกในท้องผิดปกติสูง ดาวน์ซินโดรม โรคตับโต ม้ามโต โรคปากแหว่งเพดานโหว่ได้ ความเครียด นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตใจแล้ว ยังกระทบมาถึงการมีลูกยากอีกด้วย เพราะฮอร์โมนจากความเครียดจะรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในระบบสืบพันธุ์ ส่งผลให้เกิดภาวะไม่ตกไข่ทำให้ไข่เจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ อีกทั้งยังทำให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัวที่มดลูกได้ยากขึ้นอีกด้วย กินอาหารไม่มีประโยชน์ การกินอาหารแบบแบบเดิมซ้ำๆ เมนูเดิมๆ ทุกวัน โดยเฉพาะถ้าเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ด้วยแล้วล่ะก็ นานวันเข้าจะส่งผลให้สารอาหารเข้าไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ และมีผลต่อภาวะการมีบุตรยากด้วยนะ ควรเลือกรับประทานอาหารที่หลากหลายอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะผักและผลไม้ ต้องทานเป็นประจำ น้ำหนักตัวเกิน ใครจะไปรู้ว่าน้ำหนักตัวจะส่งผลต่อการมีลูกได้ น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ หรือน้ำหนักมากหรือน้อยเกินไปจะทำให้ร่างกายปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมต่อการมีลูกได้ยากขึ้น และยังส่งผลให้ความสามารถในการเจริญพันธุ์ลดลง แถมยังเสี่ยงต่อการแท้งง่ายอีกด้วย มีการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่มีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน ต้องใช้เวลาในการตั้งท้องนานเป็น 4 เท่า ในขณะที่ผู้หญิงที่มีน้ำหนักมากกว่าเกณฑ์ใช้เวลา 2 เท่าเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวปกติ ดื่มกาแฟเกินวันละ 2 แก้ว การที่ร่างกายได้รับคาเฟอีนประมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวันหรือเทียบเท่ากับกาแฟชงเอง 3 ถ้วย เพราะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่จะมีลูกได้ยากขึ้น เนื่องจากคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟจะส่งผลให้การตั้งครรภ์นั้นชะลอลง ซึ่งส่งผลให้โอกาสการมีลูกลดน้อยลงถึง 26% เลยทีเดียว ดื่มน้ำอัดลม จริงอยู่ที่ดื่มแล้วชื่นใจ แต่น้ำอัดลมไม่ได้ให้ประโยชน์หรือสารอาหารใดๆ กับร่างกาย แถมมีน้ำตาลสูงและทำให้เกิดภาวะอ้วน จึงไม่แปลกเลยที่ถ้าหากเรากินเข้าไปเยอะๆ จะทำให้โอกาสมีน้องน้อยลง ไม่ออกกำลังกาย อยากเริ่มต้นการมีสุขภาพที่ดีก็ต้องเริ่มจากการออกกำลังกาย ถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงโอกาสที่จะมีลูกก็ลดน้องลงไปด้วย เพราะการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายแล้ว ยังกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ซึ่งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นการเจริญพันธุ์ การทำงานของหัวใจและระดับพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม ร่างกายได้รับสารเคมีต่างๆ มากเกินไป ทั้งสารเคมีจากเครื่องสำอาง จากการสูดดม หรือการทานอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมี สารโลหะหนักอย่างตะกั่ว และสารเคมีต่างๆ ที่สะสมในร่างกายจะส่งผลต่อการทำงานของรังไข่ทำให้เซลล์สืบพันธุ์ทำงานผิดปกติ ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมว่าพฤติกรรมในแต่ละวันของเราจะส่งผลต่อการมีบุตรยากได้ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมให้กับร่างกาย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมีลูกคงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทั้งนี้หากต้องการวางแผนมีลูก สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เพื่อคัดกรองสุขภาพ และ รับคำแนะนำมาปรับใช้เพิ่มโอกาสการมีลูกที่แข็งแรง ทั้งร่างกายและสุขภาพจิตนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก : BDMD สถานีสุขภาพ