การออกำลังกายเพื่อลดปวดคอ บ่า ไหล่

การออกกำลังกายเพื่อลดอาการปวดคอ บ่า ไหล่

บทความที่เกี่ยวข้อง

การรักษาด้วยคลื่นกระแทก

การรักษาด้วยคลื่นกระแทก

ออฟฟิศซินโดรม

ออฟฟิศซินโดรม

ออฟฟิศซินโดรม ออฟฟิศซินโดรมเป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยทำงาน ซึ่งก่อให้เกิดความไม่สุขสบาย ปวดคอ บ่า ไหล่ บางรายปวดร้าวตึงขึ้นขมับ หากปล่อยไว้ระยะยาวอาจมีอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ และส่งผลต่อสุขภาพเรื้อรังได้ สาเหตุการเกิดออฟฟิศซินโดรม สิ่งแวดล้อมในการทำงานไม่เหมาะสม ปัจจัยจากตัวบุคคล ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น อาการ ปวดกล้ามเนื้อ มักมีอาการปวดแบบเมื่อยล้าเป็นบริเวณกว้าง ที่พบบ่อยคือปวดบริเวณคอ บ่า ไหล่ มีอาการของระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น ชา ซ่า วูบเย็น ตรงบริเวณที่ปวด บางรายมีอาการมึนศีรษะ หูอื้อ ตาพร่า หากเป็นรุนแรงอาจมีอาการของระบบประสาทถูกกดทับ เช่น มีอาการชาหรืออ่อนแรงแขนและมือ การดูแลรักษา ปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม รักษาด้วยยา ทำกายภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างเหมาะสม ปรับอริยาบถและพฤติกรรมการทำงานให้ถูกต้อง รักษาด้วยศาสตร์ทางเลือก เช่น ฝังเข็ม นวดแผนไทย การป้องกัน จัดสิ่งแวดล้อมในการทำงานไม่เหมาะสม ดูแลจัดการความเครียด การพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 3 มื้อ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกกายภาพบำบัด โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โทร039-319888

ท่านั่งที่ควรเปลี่ยน ถ้าไม่อยากมีอาการปวดหลัง

ท่านั่งที่ควรเปลี่ยน ถ้าไม่อยากมีอาการปวดหลัง

การนั่งทำงาน อาจจะดูสบาย ๆ แต่ถ้าทำต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ อาจเป็นภัยเงียบที่คอยทำลายสุขภาพทีละนิดก็เป็นได้ การนั่งทำงานผิดท่าสามารถนำมาซึ่งผลกระทบต่อสุขภาพร้ายแรง บางคนต้องกินยาประจำ บางคนอาจต้องกายภาพบำบัด หรือบางคนอาจถึงขั้นต้องผ่าตัด แต่เพื่อไม่ให้ไปถึงขั้นนั้นควรรีบปรับตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในวันข้างหน้า 4 ท่านั่งทำงาน ที่เสี่ยงทำลายสุขภาพระยะยาว 1.นั่งไขว่ห้าง 2.นั่งขัดสมาธิ 3.นั่งหลังงอ หลังค่อม 4.นั่งไม่เต็มก้น ทั้งนี้ควรปรับท่าทางการนั่งให้ถูกต้อง - ปรับเก้าอี้ให้ได้ระดับเดียวกับโต๊ะ - นั่งทำงานได้โดยที่ฝ่าเท้าแตะพื้นพอดี - ข้อศอกตั้งฉาก 90 องศา ขนานไปกับโต๊ะ - หลังต้องชิดติดกับพนักพิง - บริเวณก้นกบไม่ควรเหลือช่องว่าง - อาจหาหมอนเล็ก ๆ ม้วนผ้าขนหนู หรือใช้หมอนรองหลัง จะช่วยให้เรานั่งหลังตรงได้อัตโนมัติ ช่วยรับน้ำหนัก ทำให้แผ่นหลังไม่เกร็งตึง และนั่งทำงานนาน ๆ ได้สบายขึ้น นอกจากปรับท่านั่งแล้ว พื้นที่ทำงานควรมีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อมจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ควรอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก และอย่าลืมขยับท่าทางเปลี่ยนอิริยาบถ ลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสายอย่างน้อยทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง ให้เลือดได้ไหลเวียน และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ฝึกทำให้ชินจนเป็นนิสัย จะได้ไม่ปวดหลัง ปวดไหล่ ขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS Wellness Clinic และ BDMS สถานีสุขภาพ

ออกกำลังกายหนักเกินไปมีผลเสียอย่างไร

ออกกำลังกายหนักเกินไปมีผลเสียอย่างไร

ออกกำลังกายหนักเกินไปมีผลเสียอย่างไร การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมมีผลดีต่อสุขภาพในหลายด้าน แต่ในทางกลับกัน การออกกำลังกายมากเกินไปก็สามารถทำให้เกิดผลเสียต่อร่ายกายตามมาได้เช่นกัน โดยการออกกำลังกายมากขึ้นอาจทำให้เกิดผลต่อร่างกายดังต่อไปนี้ เกิดการบาดเจ็บของร่างกาย รบกวนการนอนหลับ ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ออกกำลังกายแค่ไหนจึงจะเหมาะสม โดยทั่วไปการออกกำลังกายที่เหมาะสม คือ ครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับประเภทและความหนักของการออกกำลังกายชนิดนั้น ๆ รวมถึงภาวะสุขภาพมีความแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล ดังนั้นแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เทรนเนอร์ และแพทย์ประจำตัว(กรณีมีโรคประจำตัว) เพื่อการวางแผนออกกำลังกายอย่างเหมาะสมกับตนเอง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกกายภาพบำบัด โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

รักษาอาการปวดด้วยคลื่นแม่เหล็ก

รักษาอาการปวดด้วยคลื่นแม่เหล็ก

โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี พร้อมดูแลผู้บาดเจ็บจากการกีฬา ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย

โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี พร้อมดูแลผู้บาดเจ็บจากการกีฬา ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย

โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี พร้อมดูแลผู้บาดเจ็บจากการกีฬา ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย คุณทวีศักดิ์ รติภูรี นักฟุตบอลอาชีพ ทีมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตัวแทนทีมชาติไทยในการแข่งขันฟุตบอลอาเซียนที่ประเทศเวียดนาม ประสบอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าขวา ระหว่างการฝึกซ้อมและแข่งขัน โดยมีการบาดเจ็บหลายจุด ได้แก่• เอ็นไขว้หน้าฉีกขาด (ACL tear)• เอ็นด้านในฉีกขาด (MCL injury)• หมอนรองเข่าด้านนอกฉีกขาด (Lateral meniscus tear)อาการดังกล่าวทำให้เข่าไม่มั่นคง เสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำ และอาจส่งผลต่อการลงสนามในอนาคต หลังจากเข้ารับการตรวจ MRI ยืนยันอาการบาดเจ็บ จึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โดยเลือกใช้เทคนิค ส่องกล้องผ่าตัดซ่อมแซมเอ็นและหมอนรองเข่า (Arthroscopic ACL, MCL and Lateral Meniscus repair) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้แผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวได้เร็วการผ่าตัดดำเนินการโดยพญ.อัญชิสา ลีวิสุทธิกุล ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เฉพาะทางเวชศาสตร์การกีฬาและการผ่าตัดส่องกล้องข้อเข่าจุดเด่นการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี แผลเล็ก เจ็บน้อย ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อกว่า 20 ท่าน ร่วมกันให้การดูแลแบบสหสาขาวิชาชีพ การฟื้นฟูต่อเนื่องโดยทีมเวชศาสตร์การกีฬาและนักกายภาพบำบัด ที่พร้อมวางแผนฟื้นฟูรายบุคคล ดูแลครบวงจร ตั้งแต่ก่อนการผ่าตัด ระหว่างพักฟื้น ไปจนถึงการกลับเข้าสนามแข่งขัน โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี ขอขอบพระคุณในความไว้วางใจที่มอบให้ เพราะเราเชื่อว่าความสำเร็จของการรักษาไม่ได้จบเพียงแค่การผ่าตัด แต่คือการช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ มีคุณภาพชีวิตที่แข็งแรง และพร้อมกลับไปทำในสิ่งที่รักได้อีกครั้งปัจจุบันคุณทวีศักดิ์อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยมีทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟูดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถกลับมาลงสนามแข่งขันในอนาคตได้อย่างเต็มศักยภาพ